P1 Cancer is a disease that begins as an abnormal human cell which the body cannot control. Cell growth needs to be strictly regulated for the body and its organs to function properly. Cancer cells, however, continue to divide and multiply at their own speed, forming abnormal lumps or tumors. An estimated 6.7 million people currently die from cancer every year.
P2 Not all cancers are natural-born killers. Some tumors are not dangerous because they don't spread elsewhere in the body. But cells of dangerous tumors destroy other healthy tissues and will continue to do so if it is not treated.
P3 Cancers can start in almost any body cell, due to damage or defects in genes that cause abnormal cell growth. What actually stimulates these cell changes remains unclear, but scientists believe that diet, lifestyle, virus infections, exposure to harmful chemicals, and abnormal genes are important factors (5) .
(Excerpted with substantial modifications from National Geographic at http://science.nationalgeographic.com/science/health-and-human-body/human-diseases/cancer-article/)
1. Which is the best title of the passage?
a. The Best Prevention of Cancer
b. The Effective Treatment of Cancer
c. The Harmful Chemicals and Cancer
d. The Abnormal Cell Growth and Cancer
2. What is NOT mentioned?
a. Almost any cell can become a cancer cell.
b. Not all abnormal cell growths lead to dangerous cancers.
c. Virus infections are common in people with unhealthy diets.
d. One possible causes of abnormal cell growth is exposure to harmful chemicals.
3. Which is NOT true?
a. Cancer cells destroy healthy tissues.
b. The body cannot control a cancer cell.
c. Scientists know for sure what stimulates abnormal cell growth.
d. The organs will not function well if cell growth is not properly regulated.
4. It can be inferred from the second paragraph that_________________.
a. All cancers must be treated.
b. Not all cancers should be treated.
c. A dangerous tumor may kill a person if it is not treated.
d. It is easier for some people to get cancer than other people.
d. It is easier for some people to get cancer than other people.
5. Which of the following best fills in the blank of the last paragraph?
a. which do not affect normal cells
b. which control the spread of cancer
c. which affect a person's risk of cancer
d. which scientists do not want to study
เฉลย
1. ข้อ d เป็นข้อที่ถูก "การเติบโตที่ผิดปรกติของเซลล์และมะเร็ง"
ข้อ a แปลว่า "การป้องกันมะเร็งที่ดีที่สุด"
ข้อ b แปลว่า "การรักษามะเร็งที่มีประสิทธิภาพ"
ข้อ c แปลว่า " สารเคมีที่มีผลร้าย(ต่อร่างกาย)และมะเร็ง
2. ข้อ c เป็น ข้อที่ถูก "การติดเชื้อจากไวรัสมักจะเกิดกับคนที่กินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ" (ข้อนี้ถามว่าข้อไหนที่ไม่ได้กล่าวถึง (is not mentioned) ข้ออื่นๆ มีการกล่าวถึงใน passage ที่ให้อ่าน)
ข้อ a แปลว่า "เกือบทุกเซลล์ในร่างกายสามารถเป็นมะเร็งได้"
ข้อ b แปลว่า "ไม่ใช่ว่าการเจริญเติบโตที่ผิดปรกติของเซลล์ทุกแบบที่จะกลายไปเป็นมะเร็ง"
ข้อ d แปลว่า "สาเหตุหนึ่งที่เป็นไปได้ของการเติบโตของเซลล์ที่ผิดปรกติคือการได้รับ (exposure เอ็กซ์พอสเชอร์) สารเคมีที่มีผลร้าย (ต่อร่างกาย)"
3. ข้อ c เป็น ข้อที่ถูก "นักวิทยาศาสตร์รู้อย่างแน่นอนว่า (know for sure) อะไรที่เป็นตัวกระตุ้นการเติบโตของเซลล์ที่ผิดปรกติ" (ข้อนี้ถามว่าอะไรที่ไม่ถูกต้องตามเรื่องที่อ่าน)"
ข้อ a แปล่า "เซลล์มะเร็งทำลายเนื้อเยื่อที่ดี"
ข้อ b แปลว่า " ร่างกายไม่สามารถควบคุมเซลล์มะเร็งได้"
ข้อ d แปลว่า "อวัยวะจะไม่สามารถทำหน้าที่ได้ดีถ้าการเติบโตของเซลล์ไม่ได้ถูกควบคุมอย่างเหมาะสม (is not properly regulalted)"
4. ข้อ c เป็นข้อที่ถูก "เนื้องอกที่เป็นอันตรายอาจจะฆ่าคนได้ถ้าไม่ได้รับการรักษา" ( treat = รักษา; is not treated = ไม่ถูกรักษา; ไม่ได้รับการักษา)"
ข้อ a แปลว่า "มะเร็งทุกอย่างต้องได้รับการรักษา"
ข้อ b แปลว่า "ไม่ใช่มะเร็งทุกชนิดควรได้รับการรักษา"
ข้อ d แปลว่า "มันง่ายสำหรับคนบางคนที่จะเป็นมะเร็งมากกว่าคนอื่นๆ (คนบางคนเป็นมะเร็งง่ายกว่าคนบางคน)"
5. ข้อ c เป็นข้อที่ถูก "ซึ่งก่อให้เกิด ("affect" ส่งผลให้เกิด) ความเสี่ยงทำให้คนเป็นมะเร็ง" (คำถามข้อนี้ถามว่า"ข้อต่อไปนี้ข้อไหนที่เติมในช่องว่างในย่อหน้าสุดท้ายได้ดีที่สุด")
ประโยคสุดท้ายของ paragraph ที่ 3 นี้ เป็นประโยคที่ยาวและซับซ้อน โดยมีความหมายดังนี้ "สิ่งที่กระตุ้นจริงๆที่ก่อให้เกิด (What actually stimulates) การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ของเซลล์ยังคงไม่ทราบแน่ชัด (remains unclear ) แต่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า โภชนาการ รูปแบบการใช้ชีวิต การติดเชื้อจากไวรัส การได้รับ (exposure to) สารเคมีที่มีผลร้ายต่อร่างกาย รวมทั้งยีนที่ผิดปรกติล้วนเป็นปัจจัยสำคัญ ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงทำให้คนเป็นมะเร็ง
ส่วนข้อเลือกอื่นๆมีความหมายดังต่อไปนี้
ข้อ a แปลว่า "ซึ่งไม่มีผลต่อเซลล์ปรกติ"
ข้อ b แปลว่า "ซึ่งควบคุมการแพร่กระจาย (spread) ของเซลล์มะเร็ง"
1. ข้อ d เป็นข้อที่ถูก "การเติบโตที่ผิดปรกติของเซลล์และมะเร็ง"
ข้อ a แปลว่า "การป้องกันมะเร็งที่ดีที่สุด"
ข้อ b แปลว่า "การรักษามะเร็งที่มีประสิทธิภาพ"
ข้อ c แปลว่า " สารเคมีที่มีผลร้าย(ต่อร่างกาย)และมะเร็ง
2. ข้อ c เป็น ข้อที่ถูก "การติดเชื้อจากไวรัสมักจะเกิดกับคนที่กินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ" (ข้อนี้ถามว่าข้อไหนที่ไม่ได้กล่าวถึง (is not mentioned) ข้ออื่นๆ มีการกล่าวถึงใน passage ที่ให้อ่าน)
ข้อ a แปลว่า "เกือบทุกเซลล์ในร่างกายสามารถเป็นมะเร็งได้"
ข้อ b แปลว่า "ไม่ใช่ว่าการเจริญเติบโตที่ผิดปรกติของเซลล์ทุกแบบที่จะกลายไปเป็นมะเร็ง"
ข้อ d แปลว่า "สาเหตุหนึ่งที่เป็นไปได้ของการเติบโตของเซลล์ที่ผิดปรกติคือการได้รับ (exposure เอ็กซ์พอสเชอร์) สารเคมีที่มีผลร้าย (ต่อร่างกาย)"
3. ข้อ c เป็น ข้อที่ถูก "นักวิทยาศาสตร์รู้อย่างแน่นอนว่า (know for sure) อะไรที่เป็นตัวกระตุ้นการเติบโตของเซลล์ที่ผิดปรกติ" (ข้อนี้ถามว่าอะไรที่ไม่ถูกต้องตามเรื่องที่อ่าน)"
ข้อ a แปล่า "เซลล์มะเร็งทำลายเนื้อเยื่อที่ดี"
ข้อ b แปลว่า " ร่างกายไม่สามารถควบคุมเซลล์มะเร็งได้"
ข้อ d แปลว่า "อวัยวะจะไม่สามารถทำหน้าที่ได้ดีถ้าการเติบโตของเซลล์ไม่ได้ถูกควบคุมอย่างเหมาะสม (is not properly regulalted)"
4. ข้อ c เป็นข้อที่ถูก "เนื้องอกที่เป็นอันตรายอาจจะฆ่าคนได้ถ้าไม่ได้รับการรักษา" ( treat = รักษา; is not treated = ไม่ถูกรักษา; ไม่ได้รับการักษา)"
ข้อ a แปลว่า "มะเร็งทุกอย่างต้องได้รับการรักษา"
ข้อ b แปลว่า "ไม่ใช่มะเร็งทุกชนิดควรได้รับการรักษา"
ข้อ d แปลว่า "มันง่ายสำหรับคนบางคนที่จะเป็นมะเร็งมากกว่าคนอื่นๆ (คนบางคนเป็นมะเร็งง่ายกว่าคนบางคน)"
5. ข้อ c เป็นข้อที่ถูก "ซึ่งก่อให้เกิด ("affect" ส่งผลให้เกิด) ความเสี่ยงทำให้คนเป็นมะเร็ง" (คำถามข้อนี้ถามว่า"ข้อต่อไปนี้ข้อไหนที่เติมในช่องว่างในย่อหน้าสุดท้ายได้ดีที่สุด")
ประโยคสุดท้ายของ paragraph ที่ 3 นี้ เป็นประโยคที่ยาวและซับซ้อน โดยมีความหมายดังนี้ "สิ่งที่กระตุ้นจริงๆที่ก่อให้เกิด (What actually stimulates) การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ของเซลล์ยังคงไม่ทราบแน่ชัด (remains unclear ) แต่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า โภชนาการ รูปแบบการใช้ชีวิต การติดเชื้อจากไวรัส การได้รับ (exposure to) สารเคมีที่มีผลร้ายต่อร่างกาย รวมทั้งยีนที่ผิดปรกติล้วนเป็นปัจจัยสำคัญ ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงทำให้คนเป็นมะเร็ง
ส่วนข้อเลือกอื่นๆมีความหมายดังต่อไปนี้
ข้อ a แปลว่า "ซึ่งไม่มีผลต่อเซลล์ปรกติ"
ข้อ b แปลว่า "ซึ่งควบคุมการแพร่กระจาย (spread) ของเซลล์มะเร็ง"
ข้อ d แปลว่า " ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ไม่ต้องการศึกษา"
